รับทำบัญชี.COM | ภาษีซื้อต้องห้ามค่าน้ำมันมีอะไรบ้าง?

Click to rate this post!
[Total: 164 Average: 5]

ภาษีซื้อต้องห้าม

ภาษีซื้อต้องห้าม คือ (Prohibited purchase tax) ภาษีซื้อที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่สามารถนำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มหรือนำมาขอคืนภาษีซื้อ

ซึ่งกฎหมายได้กำหนดลักษณะของภาษีซื้อต้องห้ามไว้ในมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่17) ดังนี้ ลักษณะภาษีซื้อต้องห้าม

ภาษีซื้อต้องห้าม มีอะไรบ้าง

ลักษณะของภาษีซื้อต้องห้าม มีดังนี้
  1. ไม่มีใบกำกับภาษี หรืออาจไม่แสดงใบกำกับภาษี
    ++(1.1) ไม่มีใบกำากับภาษี เนื่องจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการไม่ออกใบกำกับภาษี หรือออกใบกำากับภาษีแต่ระบุชื่อบุคคลอื่น
    ++(1.2) มีใบกำากับภาษีแต่ไม่อาจแสดงใบกำากับภาษีได้ว่ามีการชำาระภาษีซื้อ เป็นกรณีที่ได้ซื้อสินค้าหรือรับบริการจริง แต่ไม่อาจแสดงต่อเจ้าพนักงานสรรพากรได้
  2. กรณีใบกำกับภาษีซื้อมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนด
  3. ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจากรายจ่ายเพื่อกิจการหรือเพื่อหากำไรของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหากภาษีซื้อนั้นไม่เกี่ยวข้องกับกิจการหรือเพื่อหากำไรของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อนั้นเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ถึงแม้ใบกำกับภาษีนั้นจะมีรายการครบถ้วน
  4. ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือเพื่อการอันมีลักษณะทำานองเดียวกัน
    ++(4.1) ค่ารับรองหรือค่าบริการไม่ว่าจะจ่ายเพื่อการรับรองหรือให้บริการแก่บุคคลใด ๆ และไม่ว่าจะอำานวยประโยชน์แก่กิจการหรือไม่ก็ตาม เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่ามหรสพ ค่าใช้จ่ายเพื่อการกีฬา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทำานองเดียวกัน
    ++(4.2) ค่าสิ่งของหรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรองหรือรับบริการตาม (1) และบุคคลอื่น
  5. ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีเป็นภาษีซื้อที่ไม่ให้ นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ ผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำากับภาษีมีดังนี้
    ++(5.1) บุคคลที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    ++(5.2) ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่อยู่นอกราชอาณาจักร และมีตัวแทนทำาการออกใบกำากับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    ++(5.3) ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ทรัพย์สินถูกนำาออกขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นหรือโดยบุคคลอื่น
  6. ภาษีซื้อตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) ภาษีซื้อตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรที่กฎหมายไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ มีดังนี้
    ++(6.1) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
    ++(6.2) ภาษีซื้อตามใบกำากับภาษีอย่างย่อ
    ++(6.3) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อทรัพย์สินเพื่อใช้ หรือจะใช้ในกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
    ++(6.4) ภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น เพื่อนำมาใช้ในกิจการของตนเอง ซึ่งเป็นกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อดังกล่าวให้มีสิทธินำมาหักออกจากภาษีขายในการคำานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อมาผู้ประกอบการได้ขายหรือให้เช่าอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นหรือนำาไปใช้ในกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 3 ปีนับแต่เดือนภาษีที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ภาษีซื้อนั้นเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตั้งแต่ต้น
    ++(6.5) ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งรายการในใบกำากับภาษีไม่ได้พิมพ์ หรือไม่ได้จัดทำาขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ ในกรณีจัดทำใบกำกับภาษีด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับ
    ++(6.6) ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีข้อความอื่นที่อธิบดีกำหนดในใบกำกับภาษีที่ไม่ได้จัดทำขึ้นด้วยวิธีการ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
    ++(6.7) ภาษีซื้อตามใบกำากับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีรายการในใบกำกับภาษีเป็นสำาเนา (Copy) เป็นภาษีซื้อต้องห้าม แต่ไม่รวมถึงใบกำกับภาษีที่ได้จัดทำารวมกับเอกสารทางการค้าอื่นซึ่งมีจำนวนหลายฉบับ และใบกำกับภาษีมีรายการในใบกำกับภาษีเป็นสำเนามีข้อความว่า “เอกสารออกเป็นชุด” ปรากฏอยู่ด้วย
    ++(6.8) ภาษีซื้อส่วนที่เฉลี่ยเป็นของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้คำานวณตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
    ++(6.9) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการ ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นำาไปใช้หรือจะใช้ในการประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มใช้สิทธิเลือกไม่นำาภาษีซื้อทั้งหมดไปหักในการคำานวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
    เนื่องจากกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมีรายได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ของกิจการทั้งหมด
    ++(6.10) ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปซึ่งรายการได้ถูกแก้ไขหรือถูกเปลี่ยนแปลง เป็นภาษีซื้อต้องห้าม เว้นแต่รายการซึ่งได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด
    ++(6.11) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ หรือรับโอนรถยนต์ที่ไม่ใช่รถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เพื่อใช้หรือจะใชในกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และต่อมาภายใน 3 ปีนับแต่เดือนภาษีที่ได้รถยนต์ไว้ในครอบครองได้มีการดัดแปลงรถยนต์ดังกล่าวเป็นรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตกรณีดังกล่าวไม่ให้ใช้บังคับสำาหรับการขายรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และการให้บริการเช่ารถยนต์ดังกล่าวของตนเองโดยตรง
    ++(6.12) ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปซึ่งมีรายการ ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรตามมาตรา 86/4 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ได้พิมพ์ขึ้น หรือไม่ได้จัดทำขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ในกรณีจัดทำใบกำากับภาษีขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับเป็นภาษีซื้อ

เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำภาษีซื้อต้องห้ามมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบกำกับภาษีรวมทั้งต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ดังนี้ เบี้ยปรับจากการนำภาษีซื้อต้องห้าม! มาใช้คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม มี 2 กรณี

1. เบี้ยปรับ 1 เท่า

  • ไม่มีใบกำกับภาษี หรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้
  • ใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนด
  • ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือเพื่อการอันมีลักษณะทำนองเดียวกัน
  • ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี

– ภาษีซื้อตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) หากผู้ประกอบการจดทะเบียนได้นำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีข้างต้นไปคำนวณหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกรมสรรพากรแล้ว ถือว่าผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้อง หรือมีข้อผิดพลาดอันเป็นเหตุให้คำนวณภาษีซื้อในเดือนภาษีที่แสดงไว้คลาดเคลื่อนไป ให้เสียเบี้ยปรับอีกหนึ่งเท่าของจำนวนภาษีซื้อที่แสดงไว้เกินไป ตามมาตรา 89(4) แห่งประมวลรัษฎากร

2. เบี้ยปรับ 2 เท่า

กรณีนำใบกำกับภาษีปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนมาใช้ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

หมายเหตุ :

  • (1) ใบกำกับภาษีที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า บุคคลใดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีให้ถือว่าเป็นใบกำกับภาษีปลอม
  • (2) ผู้ประกอบการที่นำใบกำกับภาษีปลอมมาใช้ในการเครดิตภาษี นอกจากต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแล้ว หากเจตนานำใบกำกับภาษีปลอม หรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมาใช้ในการเครดิตภาษีต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ง 2,000 บาท เงินเพิ่มอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน นับเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ เงินเพิ่มที่คำนวณได้ไม่ให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระหรือนำส่ง

ภาษีซื้อต้องห้าม เมื่อประกอบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกิจการเจ้าของคนเดียว หรือแบบมีหุ้นส่วน หากมีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สิ่งแรกที่ต้องให้ความสำคัญก็คือ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” เพราะเจ้าของกิจการมีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร พร้อมทั้งมีหน้าที่ออกใบกำกับภาษีขายทุกครั้งให้กับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าหรือมาใช้บริการ (ซึ่งเราเรียกว่า “ภาษีขาย” ) และขอใบกำกับภาษีซื้อทุกครั้งที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ซึ่งเราเรียกว่า “ภาษีซื้อ”) เพื่อนำมาคิดคำนวณและยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มต่อสรรพากรได้อย่างถูกต้องในทุกๆเดือน

ดังนั้น เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีความเข้าใจและนำส่งรายการภาษีมูลค่าเพิ่มได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ในบทความนี้จึงนำเสนอความรู้เกี่ยวกับภาษีขายต้องห้าม ซึ่งเป็นข้อควรรู้และข้อพึงระวังสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้

ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่กรมสรรพากรจัดเก็บสำหรับผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่มีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านต่อปีโดยจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (7%) ซึ่งผู้ประกอบการมีหน้าที่ยื่นรายการคำนวณภาษีในแต่ละเดือน โดยใช้หลักการสำคัญคือ

ภาษีมูลค่าเพิ่มต้องชำระ = ภาษีขาย – ภาษีซื้อ

  • หากภาษีขาย < ภาษีซื้อ ผู้ประกอบการมีสิทธิขอรับคืนภาษีซื้อเป็นเงินสดหรือรับเป็นเครดิตภาษีเพื่อนำไปชำระในเดือนถัดไปได้
  • หากภาษีขาย > ภาษีซื้อ ผู้ประกอบการต้องนำส่งเงินภาษีต่อกรมสรรพากรเท่ากับส่วนต่างนั้นๆ

ภาษีซื้อสำคัญอย่างไร

หากพิจารณาจากสูตรคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระจะเห็นได้ว่า ภาษีซื้อมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นตัวแปรสำคัญในการพิจารณาว่าผู้ประกอบการจะได้สิทธิขอรับภาษีซื้อคืนหรือต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มให้กับกรมสรรพากร ดังนั้นภาษีซื้อที่นำมาหักออกจากภาษีขายจะต้องถูกกฏหมายและไม่เข้าข่ายภาษีซื้อต้องห้าม ดังต่อไปนี้

ภาษีซื้อต้องห้าม
ภาษีซื้อต้องห้าม

Accounting in English (รับทำบัญชี ภาษาอังกฤษ)

We provide accounting services by preparing financial statements in English version. Our specialist team will collect your business's financial information in a strict, and simple manner.

We will issue useful financial statements, accurate, and efficient. You can make business decisions with confidence, and spend less time managing accounting work which is safe and reliable.

Whether you are a small or large business. Our services will be fully responsive to your needs and goals. We will support you in developing and growing your business.

Contact : 084-343-8968 ( Chaniyada )